สัตว์ที่หายใจทางผิวหนัง
สัตว์ที่หายใจทางผิวหนัง เป็นสัตว์ที่ไม่มีปอดหรือใช้ปอดในการหายใจ แต่ใช้ผิวหนังในการแลกเปลี่ยนก๊าซระหว่างร่างกายกับสิ่งแวดล้อม สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังส่วนใหญ่เป็นสัตว์น้ำที่อยู่บริเวณผิวน้ำหรือบริเวณน้ำที่มีออกซิเจนละลายสูง เช่น ปลากะพง ปลานิล ปลาม้า ปลาไหล ปลาหมึก หอยทาก ทากทะเล กบ คางคก เป็นต้น
ผิวหนังของสัตว์ที่หายใจทางผิวหนังมีลักษณะบางและเรียบ มีเส้นเลือดฝอยจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วผิวหนัง เส้นเลือดฝอยเหล่านี้ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนก๊าซระหว่างเลือดกับสิ่งแวดล้อม สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังจะหายใจได้ดีขึ้นเมื่อผิวหนังเปียกชื้น เพราะจะทำให้เส้นเลือดฝอยขยายตัวและเพิ่มความสามารถในการแลกเปลี่ยนก๊าซ
สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังมีข้อจำกัดในการดำรงชีวิต เนื่องจากต้องการสภาพแวดล้อมที่มีออกซิเจนละลายสูง หากสภาพแวดล้อมขาดออกซิเจน สัตว์เหล่านี้จะไม่สามารถหายใจได้และจะตายในที่สุด
สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ โดยทำหน้าที่เป็นผู้ผลิต ผู้บริโภค และตัวย่อยสลาย สัตว์ผู้ผลิต เช่น สาหร่าย ทำหน้าที่ผลิตอาหารให้กับสัตว์ผู้บริโภค สัตว์ผู้บริโภค เช่น สัตว์กินพืช สัตว์กินเนื้อ และสัตว์กินทั้งพืชและสัตว์ ทำหน้าที่กินสัตว์ผู้ผลิตหรือผู้บริโภคด้วยกันเอง สัตว์ตัวย่อยสลาย เช่น แบคทีเรียและเห็ด ทำหน้าที่ย่อยสลายซากพืชและซากสัตว์ให้เป็นสารอาหารที่สามารถกลับเข้าสู่ระบบนิเวศได้
ตัวอย่างสัตว์ที่หายใจทางผิวหนัง ได้แก่
ปลากะพง
ปลานิล
ปลาม้า
ปลาไหล
ปลาหมึก
หอยทาก
ทากทะเล
กบ
คางคก
สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังเป็นกลุ่มสัตว์ที่มีความหลากหลายและมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ
สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังมีวิวัฒนาการมาจากการหายใจแบบอาศัยน้ำที่อยู่รอบตัว สัตว์เหล่านี้มักมีผิวหนังที่บางและเรียบ เพื่อให้ออกซิเจนสามารถแพร่ผ่านผิวหนังได้ง่าย สัตว์บางชนิดมีต่อมเมือกที่ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา เช่น กบและคางคก สัตว์บางชนิดมีเหงือกในวัยอ่อน เช่น ปลากะพงและปลานิล เหงือกเหล่านี้จะหายไปเมื่อสัตว์โตขึ้นและสามารถหายใจทางผิวหนังได้
สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังมีข้อจำกัดในการดำรงชีวิต เนื่องจากต้องการสภาพแวดล้อมที่มีออกซิเจนละลายสูง หากสภาพแวดล้อมขาดออกซิเจน สัตว์เหล่านี้จะไม่สามารถหายใจได้และจะตายในที่สุด สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังจึงมักอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำที่มีออกซิเจนละลายสูง เช่น บริเวณผิวน้ำ บริเวณที่มีกระแสน้ำไหลแรง หรือบริเวณที่มีพืชน้ำอุดมสมบูรณ์
สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ โดยทำหน้าที่เป็นผู้ผลิต ผู้บริโภค และตัวย่อยสลาย สัตว์ผู้ผลิต เช่น สาหร่าย ทำหน้าที่ผลิตอาหารให้กับสัตว์ผู้บริโภค สัตว์ผู้บริโภค เช่น สัตว์กินพืช สัตว์กินเนื้อ และสัตว์กินทั้งพืชและสัตว์ ทำหน้าที่กินสัตว์ผู้ผลิตหรือผู้บริโภคด้วยกันเอง สัตว์ตัวย่อยสลาย เช่น แบคทีเรียและเห็ด ทำหน้าที่ย่อยสลายซากพืชและซากสัตว์ให้เป็นสารอาหารที่สามารถกลับเข้าสู่ระบบนิเวศได้
สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังมีบทบาทสำคัญในการดำรงสมดุลของระบบนิเวศ โดยทำหน้าที่ควบคุมจำนวนประชากรของสัตว์อื่นๆ ในระบบนิเวศ เช่น ปลาที่กินสัตว์กินพืชอาจช่วยควบคุมจำนวนประชากรของพืชน้ำไม่ให้มากเกินไป
นอกจากนี้ สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังยังสามารถเป็นอาหารของสัตว์อื่นๆ ในระบบนิเวศ เช่น
ปลาที่กินสัตว์กินเนื้ออาจกินกบหรือคางคกเป็นอาหาร
แหล่งที่มา : ประเภทสัตว์ เรามีหลายประเภทของสัตว์ที่น่าสนใจ มาเรียนรู้เกี่่ยวกับสัตว์ได้ (typeanimal.com)

Comments
Post a Comment